วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ขอบคุณเวลา

.
..
...
.....

วันเวลาที่ผ่านมา ความรักเราช่างสุขเกินกว่าสิ่งไหน
แต่วันเวลาได้เปลี่ยนไป
ใจของคนก็เปลี่ยนผันตามกาลเวลา

มันอาจจะเหลือแค่เพียงความหลังความรักเราในวันเก่า
ไม่เคยเข้าใจจนฉันได้เจอด้วยตัวเอง

ขอบคุณที่เธอผ่านเข้ามา
ให้ฉันได้รู้ว่าความรักที่จริงแท้...อาจจะทำร้ายให้เราเสียใจ 
แต่เราจะเดินผ่านพ้นมันไปในซักวัน

วันที่เราเดินจับมือ
วันนั้นมันช่างสดใสกว่าวันไหนๆ

แต่วันนี้เธอเดินจากไป
ใจฉันมันเจ็บจนน้ำในตามันไหล

มันอาจจะเหลือแค่เพียงความหลังความรักเราในวันเก่า
ไม่เคยเข้าใจจนฉันได้เจอด้วยตัวเอง

ขอบคุณที่เธอผ่านเข้ามา
ให้ฉันได้รู้ว่าความรักที่จริงแท้...อาจจะทำร้ายให้เราเสียใจ
แต่เราจะเดินผ่านพ้นมันไปในซักวัน

.
..
...
.....


ขอบคุณที่เธอผ่านเข้ามา
ให้ฉันได้รู้ว่าความรักที่จริงแท้...อาจจะทำร้ายให้เราเสียใจ
แต่เราจะเดินผ่านพ้นมันไปในซักวัน




วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Try >> แป้งตราเต่าเหยียบโลก

ไม่ได้เขียนบล็อคซะนาน เพราะไม่รู้จะเอาไอเทมอะไรมาเขียน ไอเทมที่มีอยู่ก็ยังไม่มีกะจิตกะใจจะมาทอค แหะๆ แต่วันนี้มีของเด็ดมานำเสนอค่ะ ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานานแล้ว เพิ่งจะได้ลองกับตัวเองเป็นครั้งแรก นั่นก็คือ!!!!

แป้งดับกลิ่นตราเต่าเหยียบโลก
เมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสไปเดินตลาดบางซื่่อมาค่ะ ก็เลยไปเจอเจ้าแป้งตราเต่าเหยียบโลกที่ได้ยินเสียงล่ำลือมานาน จีเวลเลยรีบคว้ามาแบบไม่ต้องคิดด้วยราคา 35 บาท ไม่รู้ว่าซื้อมาแพงรึเปล่า แต่ด้วยราคานี้ถือว่ารับได้ค่ะ ไม่ต้องพร่ำน้ำมากละกัน ไปดูคุณสมบัติกันเล๊ยยยย ^O^

เนื้อแป้ง >> เป็นผงสีขาว หยาบกว่าแป้งฝุ่นทั่วไปเล็กน้อยค่ะ ข้างขวดเค้าเขียนไว้ว่าทำมาจากธรรมชาติ 100 % แต่ก็ไม่รู้นะว่าเค้าเอาอะไรไปสกัดถึงได้แป้งผงสีขาวๆ ออกมาแบบนี้

กลิ่น >> ตัวแป้งมีกลิ่นเหม็นแปร่งๆ นิดหน่อยค่ะ แต่เวลาเราทาไปแล้วไม่รู้สึกนะ

ผลลัพธ์ >> วันแรกที่ลองใช้ คือวันที่มีซ้อมเต้นกับเพื่อน ตามแพลนที่วางไว้คือซ้อมเต้นในห้องแอร์ค่ะ แต่ที่ไหนได้ พอไปแล้วห้องแอร์ดันปิด ต้องมาซ้อมกันร้อนๆ แทน ก็กลัวแหละ ว่ามันจะเอาไม่อยู่ กลัวจะเหม็น แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่มีกลิ่นเลยค่ะ!! ทั้งๆ ที่เหงื่อออกเยอะมากกกกกกก!! ร้อนมากกกกกกกกกก !! แต่กลับไม่มีกลิ่นตัวเลย มันชะงัดจริงๆ

ความรู้สึกหลังใช้ >> พอเวลาผ่านไปซักครึ่งวัน เหงื่อออกแล้วรักแร้เราจะเหนียวๆ ไม่แห้งสบายเหมือนโรออน แต่ก็ไม่มีกลิ่นนะคะ แถมที่ปลื้มสุดๆ เลยก็คือ กลับมาบ้านเหนื่อยมากกก หลับไปทั้งๆ ที่ไม่ได้อาบน้ำ (หยี๊.....ผู้หญิงอะไรสกมกมว๊ากกก >w< ) พอเช้าอีกวันแทนที่ตัวจะเน่าสุดๆ แต่กลับไม่มีกลิ่นตัวเลยค่ มันเจ๋งม๊ากกกกกกกก

คะแนน >> 9/10 หัก 1 คะแนนเพราะหาซื้อยาก และ ไม่ทำให้วงแขนแห้งสบายเหมือนโรออนค่ะ แต่มันดับกลิ่นได้ดีเว่อๆๆๆๆๆ


วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Talk >> มาลดน้ำหนักกันเถอะ!!

ไม่ได้การหละ!! ไปไหนก็มีแต่คนทักว่าน่าจะผอม ผอมแล้วจะสวยนะ งั้นงู้นงี้ รู้ไม๊....มันช่างตอกย้ำจิตใจยิ่งนัก TAT ตั้งแต่จำความได้เราก็หุ่นเป็นเด็กสมบูรณ์มาแต่ไหนแต่ไร ตอนเด็กๆ มันก็น่ารักดีอยู่หรอก ตัวอ้วนๆ ขาวๆ ตัดผมทรงเห็ด บ่งบอกว่าที่บ้านมีอันจะกิน (มากกก ) พอโตมาหน่อย....แม่ก็บอกว่ากินๆ ไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก อยู่ในช่วงกำลังกิน กำลังนอน เดี๋ยวดตไปก็ยืดเองแหละ เราก็เชื่อแม่นะ....แต่ว่า!!! ยิ่งโตทำไมมันยิ่งอ้วนนนนนนน O[]O อาจจะเพราะว่าเราเป็นลูกคนเดียวและแม่เราก็อยู่แต่บ้านไม่มีการมีงานอะไร เลยขุนลูกเพลิน เห็นลูกปากว่างไม่ได้เสิร์ฟตลอด หรืออะไรก็แล้วแต่เหอะ....

คนอื่นเค้าพอโตก็ยืด...หุ่นดีๆ กันหมด ไอ้เรารึก็รอ....เมื่อไหร่จะยืดน้าาาา จนบัดนี้จะยี่สิบอยู่ละ มันก็ไม่ยืดซักที (น่าจะคิดได้ตั้งแต่ 15 แล้วนะยะ) เริ่มคิดว่า...ไม่ได้การหละ!! เราจะรอให้ยืดเอง มันคงไม่ยืดแล้ว เพราะฉะนั้น เราควรจะลดน้ำหนักอย่างจริงจังซักที อยู่มหาลัยแล้วจะปล่อยให้อ้วนไปจนจบมหาลัยมันก็ไม่ใช่ละ!! ไม่สวยตอนนี้แล้วจะไปสวยตอนไหน จริงไม๊!!

และนี่ก็คือหน้าตาหนังสือที่เราซื้อมาเพื่อการนี้ ที่จริงเรามีความคิดจะลดน้ำหนักมานานแล้วนะ เลยซื้อมาเรื่อยๆ และบางเล่มก็ได้ฟรีมา แต่ว่าน้ำหนักเรามันขึ้นๆ ลงๆ ไม่คงที่ซักที ซึ่งมันเป็นปัญหาของคนลดน้ำหนักส่วนใหญ่เลยหละ T___T

รอบนี้เราตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องลดน้ำหนักให้ได้ 5 กิโลต่อเทอมให้ได้!!! ซึ่งมันก็ไม่ได้โหดอะไรหรอก 5 กิโลต่อ 3 เดือน กำลังสบายๆ เลยหละ แต่ทำไม่ชั้นทำไม่ด๊ายยยย >__<

กินอย่างที่ชอบก็ผอมได้ เล่มนี้ได้ฟรีตอนทำงานที่อมรินทร์
เนื้อหาภายในเล่มนี้ก็จะแบ่งเป็น....

  • โปรแกรมการลดน้ำหนักออกเป็นสองช่วงอายุคือ 19-35 ปี และอายุ  36 ขึ้นไป
  • สุตรลดน้ำหนักต่างๆ
  • ท่ากายบริหารและวิธีการออกกำลังกายต่างๆ 
  • สูตรอาหารที่จะช่วยควบคุมน้ำหนัก 
ส่วนเนื้อหาอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกับหนังสือลดน้ำหนักทั่วไป ที่จะมีตารางแคลลอลี่และตารางอาหารลดน้ำหนักให้เราอ่าน ซึ่งในความคิดของเรานะ....ใครมันจะไปหาอาหารตามที่หนังสือบอกได้เป๊ะๆ หละ!! แล้วพอกินไม่เป้ะตามหนังสือแล้วน้ำหนักเราไม่ลด 10 กิโล ภายใน 8 สัปดาห์ก็ไม่ใช่ความผิดของหนังสือละ

เนื้อหาหลักๆ ของหนังสือเล่มนี้คือ....
กินอาหารลดน้ำหนัก 7 วันแล้ววันสุดท้ายให้กินอาหารตามใจปากได้ มื้อนึง โดยให้ใส่เค้ก ช็อกโกแลต ฝอยทอง บลาๆๆๆ อะไรก็ได้ที่เราอยากกินแต่มันอ้วนไว้แทนอาหารมื้อเช้าหรือมื้อกลางวัน มื้อใดมื้อหนึ่ง เพื่อไม่ให้เราทรมานกับการลดน้ำหนักจนเกินไป

ดังนั้นเราอ่านเพื่อเป็นแนวทางจะดีกว่าหวังให้น้ำหนักของเราลดตามคำโฆษณาของหนังสือนะ :)



เสริมให้สวย ลดให้กระชับ

สูตรลดความอ้วนของเล่มนี้เป็นสูตรที่ไม่ต้องคิดมาก สำหรับคนที่เบื่อจะคิด เบื่อจะคำนวนแคลลอรี่ เพราะเล่มนี้เน้นที่การโยคะค่ะ

  1. หิวเมื่อไหร่ ห้ามกินข้าว...ให้ดื่มน้ำ 2 แก้วใหญ่ แล้วกินอาหารพวกโปรตีนแทนแป้ง
  2. ห้ามกินจิบจิบ
  3. กินให้สัมพันธ์กับอายุ ถ้ารู้ตัวว่าแก่แล้วก็อย่ากินเยอะ
  4. ไปหาอะไรที่น่าสนใจทำซะ แทนที่จะคิดว่าเที่ยงนี้จะไปกินข้าวที่ไหนดี
  5. เป็นแบบอย่างให้คนอื่นลดความอ้วนตาม เหมือนเป็นการบังคับตัวเองไปในตัว
ส่วนวิธีการบริหารร่างกายของเล่มนี้ก็จะแบ่งท่ากายบริหารตามรูปทรงของผู้หญิง

  • ทรงลูกแพร์
  • ทรงนาฬิกาทราย
  • ทรงกระบอก
  • ทรงเพรช 
  • ทรงเจ้าเนื้อ (หรืออ้วนนั่นแหละ)
  • ทรงสามเหลี่ยมกลับหัว (หรือแอปเปิล)
เล่มนี้เน้นการออกกำลังกายแบบโยคะ เพื่อให้หุ่นเฟิร์ม บอกตรงๆ ว่า "เล็ก ฉัตริษา" คือใคร เราไม่รู้จักหรอก ฮ่าๆๆ แค่ตอนที่เราได้เล่มนี้มา (ฟรีจากอมรินทร์อีกเหมือนเดิม รักอมรินทรืมว๊ากกก ^O^) กระแสโยคะกำลังมาแรงมาก แล้วมันเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวตัวเองด้วยความรวดเร็ว เราเลยสนใจมาก เพราะเราเป็นอะไรซักอย่างที่ไม่สามารถออกกำลังเร็วๆ ได้ ผิวหนังของเราจะขึ้นผื่นแดง เหมือนเป็นลมพิษแล้วคันคะเยอเต็มตัวไปหมด V^V เราเลยไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่นัก


100 เคล็ดลับ ทำคุณผอม

เล่มนี้เป็นเล่มแรกที่ซื้อเอง!! ปกติไม่เคยซื้อหนังสือประเภทนี้เลย จนมาเจอเล่มนี้ นั่งอ่านในร้านจนจบแล้วก็ซื้อกลับบ้าน (ปกติอ่านในร้านจบแล้วไม่ซื้อ ฮ่าๆๆ) เล่มนี้คนเขียนคนเดียวกับเล่มแรก แต่ต้องการดีไซน์หนังสือผิดกัน ทำให้มันดูเป็นวัยรุ่นและน่าอ่านมากขึ้น

เล่มนี้อ่านง่าย เพราะแบ่งเป็นข้อๆ และน่าตาหนังสือก็ดีไซน์ออกมาให้น่ารัก น่าอ่านด้วย แบ่งเป็น..

  • การคำนวนหาน้ำหนักมาตรฐานของแต่ละคนโดยดูจากขนาดข้อมือเป็นเกณฑ์
  • พฤติกรรมที่ทำให้อ้วน
  • 40 เคล็ดลับลดน้ำหนัก
  • 8 เคล็ดลับปรับกระบวนการเผาผลาน
  • 30 เคล็ดลับต้านพลังงาน ลดการสะสมไขมัน
  • 8 เคล็ดลับฟื้นฟูระบบขับถ่าย
  • 3 เคล็ดลับแก้ปัญหาพิเศษ
  • 9 เคล็ดลับยืดสายสลายไขมัน
  • 2 เคล็ดลับเตรียมความพร้อมก่อน Stop diet
  • โปรแกรมควบคุมน้ำหนัก
  • สูตรอาหารสลายไขมัน
เป็นเล่มที่แนะนำให้ซื้อ เพราะมันน่ารัก อ่านเข้าใจง่าย เหมาะกับวัยรุ่นแบบเราๆ ^^



และต่อไปนี้ก็จะเป็นหนังสือเมนูอาหารเพื่อสุขภาพของเรา มีทั้งแบบซื้อและได้ฟรี เดี๋ยววันไหนอารมณ์ดี อาจจะหยิบมาทำลงบล็อกซักเมนู ฮิฮิ ^O^

กินดื่มเพื่อสุขภาพ
ตามชื่อเมนูเลยค่ะ แต่เมนูในเล่มนี้แอบแพงไปนะ =.,= ใครมันจะไปซื้อมาทำกินได้ทุกมื้อ เผลอๆ ทำกินเองอาจจะแพงกว่าไปกินที่ร้านด้วยซ้ำ

ตัวอย่างเมนูในเล่ม...

  • ปลาอินทรีอบวุ้นเส้น
  • ปลาทับทิมทอดราดซอสมะขาม
  • ข้าวผัดแอพพริคอตไข่ม้วน
  • ปลาแซลมอนราดวอสถั่วดำ
  • เมี่ยงแซลมอนเกี๊ยวกรอบ
  • ต้มส้มปลาซาบะ
  • ผัดฟูซิลลี่พริกเผา
ส่วนเมนูเครื่องดื่มก็จะมีอยู่ท้ายเล่ม
  • น้ำลำไยนมสด
  • น้ำสาลี่มิกส์
  • น้ำแตงโมผสมส้มซันคิสโยเกิร์ต
  • น้ำทับทิมนมสด
  • ชาโหระพา
  • สมูทตี้บีทรูท

อาหารตามกรุ้ปเลือด
อย่างตัวเราเนี่ย...กรุ๊ป B ก็ไม่รู้หรอกนะว่าถ้าไปกินของกรุ๊ปอื่นแล้วมันจะไม่ดียังไง แต่อ่านเอาไว้ประดับความรู้แล้วกัน เล่มนี้จะสอนวิธีการใช้ไมโครเวฟในการประกอบอาหารทั้งต้ม ผัด แกง ทอด ได้หมด แต่ก็ไม่เคยทำซักที....อาจจะลองในซักวันนึง (อีกแล้วววว)

วันนี้เราก็มาแนะนำหนังสือกันก่อนแล้วกัน....แล้วเดี๋ยวครั้งหน้าเราจะมาพูดถึงตารางการลดน้ำหนักแบบตามใจตัวเอง (ฮุๆๆๆ) ตามแบบฉบับของจีเวลล่า ฮ่าๆๆๆ See Ya !!

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Talk >> ขั้นตอนทำความสะอาดผิวในวันว่าง ^__^

เครื่องมือทำสวยส่วนหนึ่งที่ใช้ ณ ปัจจุบัน

รูปข้างบนนี่เป็นทั้งหมดที่ตั้งใจจะเขียนแต่วันนี้เราจะมาเริ่มกันที่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่จีเวลใช้หลักๆ ก่อน....

ก่อนอื่นต้องบอกข้อมูลคร่าวๆ ก่อนว่าจีเวลเป็นนักศึกษาตัวอ้วนกลมธรรมดาๆคนนึง ที่เพิ่งเริ่มมาดูแลตัวเองก็ตอนเข้ามหาลัยเนี่ยแหละ แต่ก่อนก็เป็นเด็กธรรมดาๆ ไม่ได้ดูแลตัวเองเหมือนวัยรุ่นทั่วๆไป

คสอ.ทุกอย่างที่ซื้อได้มาจากเงินเก็บอันน้อยนิด ดังนั้นจึงมีราคายิ้มๆ แบบนักศึกษา ไม่บ้าแบรนด์เว่อๆ เหมือนบล็อกเกอร์กูรูเครื่องสำอางค์นะ อันนั้นเค้ารวย เค้าหาเงินเองได้ ปล่อยเค้าไป เรามาพูดเรื่องของเรากันดีกว่า

ต้องออกตัวก่อนว่า...ไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งด้านส่วนผสมทางเคมีต่างๆ ไม่สามารถระบุได้ว่าส่วนผสมนี้คืออะไร ได้จากอะไร ดุจตัวเองคือห้องแล็บเคลื่อนที่ ดังนั้นทุกสิ่งที่เขียนอาจจะมีข้อผิดพลาด หรือ ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด อันนี้ก็อยู่ที่วิจารณาญของแต่ละคนนะคะ ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

แต่ทุกสิ่งที่เขียน...มาจากความรู้สึกจริงของผู้ใช้ค่ะ ^___^ เป็นความเห็นส่วนตัวที่อยากจะแชร์ให้เพื่อนๆ เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์บ้าง เอาหล่ะ....มาเริ่มกันเลยดีกว่า ทั้งหมดนี้คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในวันที่มีอารมณ์อยากจะประทินโฉมแบบฟลูออปชั่นนะ ถ้าเป็นวันธรรมดาก็สบู่กับโฟมล้างหน้าแค่นั้นแหละ ฮ่าๆๆๆ (ยังใช้ไม่ชินเป็นนิสัย และหวังว่าจะใช้ทั้งหมดนี้ให้ติดเป็นนิสัยได้ในซักวัน แต่คงต้องตื่นเช้ากว่าเดิมซักชั่วโมงละมั้ง ถึงจะพอ =.,=)

วิธีการเรียงลำดับการอาบน้ำของจีเวลอาจจะแปลกอยู่ซักหน่อยแต่จากการวิเคราะห์ของสถาบันแล็บจีเวลแห่งชาติ(หน้า) พบกว่าการเรียงลำดับผลิตภัณฑ์แบบนี้จะทำให้ประหยัดเวลาและได้ประโยชน์สูงสุด ฮ่าๆๆๆ


เรียงจากซ้าย ไป ขวา แถวบนก่อนนะคะ

1. สบู่ร้านเจ้เล้ง
หน้าตาเหมือนสบู่มะนาว แถมพิมพ์เป็นภาษาจีนที่เราอ่านไม่ออก วางขายอยู่ข้างสบูเกาหลี ไอ้เราก็หลงเชื่อนึกว่าสบู่เกาหลีเลยซื้อมา แต่พอซื้อมาแล้วปรากฎว่ามันไม่ใช่มะนาวค่ะ! แถมพออ่านด้านหลังแพกเกจดีๆ แล้วมันเป็นสบู่ที่ร้านเจ้เล้งสั่งผลิตเองในประเทศเนี่ยแหละ เหมือนโดนแพกเกจหลอกอะ TT__TT แต่ไปโทษเจ้เล้งก็ไม่ได้ เราโง่เอง..... กลิ่นและรูปร่างเหมือนสบู่เด็กแคร์มากกกก ไม่คุ้มเงินเลย เท่าที่จำได้ก่อนนี้ประมาณ 20 กว่าบาท แต่สบู่แคร์มันก้อนสิบกว่าบาทเองไม่ใช่หรอ ฮือๆๆ T^T

มันบอกว่าใช้แล้วผิวจะขาวขึ้น นุ่มขึ้น ตอนนี้ใช้หมดไปก้อนนึงแล้วยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง แต่พอดีซื้อมา 2 ก้อน เลยกะว่าถ้าใช้หมดแล้วค่อยไปหาสบู่ตัวอื่นลองใช้ดู

สรุป : ไม่ประทับใจ คิดว่าจะไม่ซื้อใช้อีก
คะแนน : 5/10 ไม่ชอบ ไม่เกลียด เสมอตัว




2. สครับอัลมอนด์วัตสัน
เป็นสครับเนื้อละเอียด ใครที่ชอบสครับผิวแบบเมามัน แนะนำให้ไปเลือกตัวอื่นเพราะตัวนี้เนื้อสครับมันนุ่มมากๆ แทบจะไม่รู้สึกเลย กลิ่นหอมหวานดี ชอบกลิ่นมากๆๆ ใช้ต่อจากสบู่ ถูเบาๆ แล้วค่อยล้างออก ใช้แล้วผิวนุ่มๆ หอมๆ ^___^

หลอดนี้ซื้อมานานมากกกกกกกกกก จนลืมราคาไปแล้ว ที่มันยังไม่หมดซักทีเพราะว่าไม่ค่อยได้ใช้ พอดีว่าเป็นคนที่ชอบสครับเนื้อหยาบๆ มากกว่า มันขัดมันส์ดี (แอบมาโครซิสเล็กๆ ฮ่าๆๆ) แต่วันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปสครับตัวที่ใช้ประจำมาเพราะว่ามันหมดพอดี อดไป แหะๆๆ


สรุป : ชอบนะ แต่คิดว่าถ้าหมดแล้วจะลองตัวอื่นดู เพราะตัวนี้ใช้มานานมากกก เบื่อแล้ว
คะแนน : 8/10 ชอบนะ แต่อยากลองตัวอื่นบ้าง




3.โฟมพอกตัวสูตรมะนาว Mengkou
ซื้อจาก Karmart ไม่ปลื้มกลิ่นสุดๆ เหมือนเอาซันไลต์มาเป็นหัวเชื้อ แต่ว่าตัวนี้มีหลายกลิ่นนะ มีจมูกข้าว แอปเปิล ไรงี้ด้วย ถ้าเป็นสูตรอื่นอาจจะเวิร์คกว่าก็ได้

หลอดใหญ่มาก บีบแล้วไม่กลับหมดดี เราเอามาพอกแขนกับขาไว้หลังล้างสครับออกแล้ว เหมือนเป็นการบำรุงหลังการขัดล้างไรงี้ ต้องพอกทิ้งไว้ซักพักนะ ถ้าตัดเริ่งกลิ่นออกมันก็โอเคแหละ เนื้อโฟมจะเหมือนโฟมล้างหน้าสูตรไม่มีฟอง แต่เราไม่ได้ใช้ตัวนี้เดี่ยวๆ เลยบอกไม่ได้ว่ามันทำให้ขาวขึ้นจริงไม๊....แต่ใช้ไปซักพัก (รวมกับตัวอื่นด้วย) มันก็ขาวขึ้นนะ


สรุป : ก็ดีนะ กะว่าถ้าหลอดนี้หมดจะไปดูสูตรอื่นมาลอง
คะแนน : 7/10 กลิ่นมันไม่ปลื้มสุดๆ


4. Wakilala Clean wash
หลังจากหมักแขนและขาของเราด้วยโฟมมะนาวแล้ว เราก็จะมาจัดการขัดรักแร้เราต่อ ตอนนี้ยังไม่ต้องล้างโฟมมะนาวออกนะ พอกมันทิ้งไว้ก่อน....ตอนนี้ถึงตาวากิลาล่าของเราแล้วววว ^O^

ตัวนี้หลายๆ คนอาจจะรู้จักกันดีแล้ว เพราะมันค่อนข้างดังอยู่นะ ส่วนคนที่ไม่รู้จักก็มันเป็นสครับรักแร้ตัวฮิตของญี่ปุ่น ถ้าซื้อในไทยตกอยู่หลอดละ 300-450 บาท แต่เรามีร้านประจำถึงค่าเงินเยนจะสูงแค่ไหนเราก็ซื้อได้ในราคา 300 อยู่ โฮะๆๆๆ เอาละๆ เข้าเรื่อง....วากิลาล่าตัวนี้จะมีกลิ่นเลม่อนๆ (อีกแล้ว?) ให้ความรู้สึกสดชื่นนนนน ^________^ เม็ดสครับก็ถือว่าใหญ่แต่มีอยู่ในเนื้อโฟมน้อย เวลาขัดเลยรู้สึกมันส์กำลังดี วิธีใช้ก็ขัดๆ ถูๆ จนสครับเปลี่ยนเป็นฟอง แล้วทิ้งไว้ก่อน อย่าเพิ่งล้าง อันนี้ไม่ใช่ว่ามันเขียนติดอยู่ข้างหลอดหรอกนะ เป็นวิธีใช้ส่วนบุคคลหละ พอดีคิดว่าเผื่อมันยังออกฤทธิ์ไม่เต็มที่ เลยแช่ไว้ก่อน ฮ่าๆๆๆ

สรุป : ขาวรึเปล่า ไม่ค่อยแน่ใจ เหมือนมันจะช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังให้มากกว่า แต่ใช้แล้วชอบ กลิ่นตัวไม่มี เลยกะว่าถ้าหมดก็จะซื้อใช้ต่อ
คะแนน : 8/10 ที่ไม่ให้เต็มเพราะมันแพงและไม่ได้ทำให้ขาวได้อย่างชัดเจน


  5. โฟมล้างหน้านีเวียสูตรควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน
หลังจากหมักแขนและขา รวมไปถึงรักแร้แล้วเราก็แปรงฟัน แต่อันนี้ไม่สำคัญอะไร ขอข้ามไปล้างหน้าเลย ตัวนี้เป็นโฟมที่ใช้มาหลายปีแล้ว ไม่คิดจะเปลี่ยนไปลองตัวอื่น แต่ช่วงหน้าร้อนนี้รู้สึกว่าตัวเองหน้ามันเร็วกว่าเดิม อาจจะเพราะอากาสร้อนกว่าเดิมก็ได้มั้ง? แต่ยังไงก็ยังไม่มีโฟมตัวไหนจะทำให้เราเปลี่ยนใจไปจากตัวนี้ได้เลย

สรุป : ชอบ และไม่คิดเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่น นี่ในตู้ยังมีสต็อคไว้อีกหลอดเลยนะเนี่ย >w<
คะแนน : 9/10 ตัด 1 คะแนนเพราะเวลาใกล้จะหมดหลอดแล้วบีบยาก น่าจะทำแพกเกจแบบหลอดยาวๆ มากกว่าอ้วนตันแบบนี้




6. สครับ Berli pops กลิ่นเมล่อน
หลังจากล้างหน้าเสร้จก็มาทำสครับจมูกกัน ที่จริงตัวนี้เป็นสครับที่ใช้ได้ทั้งหน้าแต่ว่าจีเวลกลัวรูขุมขนกว้างเลยไม่ได้ขัดทั้งหน้าแต่ใช้แค่ตรงจมูกแทน หลอดนี้ก็ใช้มานานแสนนานนนน แล้วจำได้ว่าใช้ต่อจากเนทรูจิน่าที่หลอดเล็กกระจิ๊ดดด!! แต่แพ๊งงง แพง แถมไม่ได้เรื่องอีกต่างหาก ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นเล๊ยยยย แต่พอเปลี่ยนมาใช้เจ้าตัวนี้ตอนแรกไม่ได้หวังอะไรเลย แต่พอใช้มันกลับเวิร์คกว่าเจ้าตัวแพงเนทรูจิน่าซะอีกอะ ติดใจเล๊ยยย ^O^

สรุป : ใช้ดี กลิ่นห๊อมมม หอมมม แต่มันอยู่มานานมากแล้ว กะว่าถ้าหมดจะลองตัวอื่น (ซึ่งก็คงอีกนานนน)
คะแนน : 9/10 หักไว้เพราะไม่ได้ทำให้เสี้ยนหัวดำหาย แต่ก็โอเคมากๆ เลยแหละ โดยเฉพาะกลิ่น <3


7. แชมพูเด็กคัสสันเบบี้ สูตรน้ำมันมะกอก
เอาหละ....พอเราล้างหน้าเสร็จแล้วปุ๊บ เราจะใช้เวลาในการหมักผิวไปประมาณ 15-20 นาที ก็ได้เวลาล้างออกแล้ว พอล้างออก เราจะรู้สึกว่าผิวของเรานั้นนุ่มมมมม สุดๆ เลยอาจจะเพราะไอน้ำ หรืออะไรก็ตามแต่เพราะกลิ่นเจ้าซันไลต์บ้านั่นมันเลยไม่ค่อยจะหอมเท่าไหร่อะนะ =.,=

ทีนี้ก็ได้เวลาสระผมซักที....ที่จีเวลใช้แชมพูเด็กเพราะว่าหนังศีรษะของจีเวลอ่อนแอมากๆ ถ้าใช้แชมพูแรงๆ แล้วจะเป็นรังแค แล้วก็ใช้คอนดิชันเนอร์ไม่ได้ด้วย เป็นรังแคเหมือนกัน ดังนั้นจีเวลเลยไม่ค่อยจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลผมมากนัก เพราะมันจะไปมีปัญหากับหนังศีรษะเลยสระด้วยแชมพูเด็กอย่างเดียว

สรุป : ก็แชมพูเด็กทั่วไป ไม่รู้จะบอกยังไง =.,=
คะแนน 5/10 เสมอตัว ไม่ได้ไม่เสีย




8. Blink Blink Whitening snow mask
ครีมพอกตัวขาว ที่พอกปุ๊บขาวปั้บ เหมือนเนื้อครีมมันจะมาเคลือบผิวเราไว้บางๆ เหมาะกับวันไหนที่เราอยากขาวแบบมีออร่าเป็นพิเศษ ไม่เหมาะกับคนผิวคล้ำ มันจะทำให้ตัวดูเทาๆ ซีดๆ ได้

ตัวเนื้อครีมจะเหมือนกันน้ำเล็กๆ วิธีใช้คือพอกทิ้งไว้ซักแปปนึงแล้วล้างออก ทริกเล็กๆ คือ เวลาพอกเราต้องเกลี่ยเนื้อครีมให้กระจายสม่ำเสมอ ไม่งั้นผิวเราจะขาวแบบด่างๆ เพราะมันติดผิวเราได้เร็วมากกก !!
มีกลิ่นหอมด้วยนะ แต่แปปเดียวก็จางแล้ว


สรุป : หลอดเล็กประมาณโฟมล้างหน้า ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับปริมาณ ส่วนผลลัพธ์ คิดว่าความพอใจขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า ส่วนจีเวลไม่ได้ปลื้มมันมาก แต่ใช้แล้วก็โอเค
คะแนน :7/10 หักที่ราคา กลิ่น และใช้ยากไปหน่อย ขี้เกียจจะเกลี่ยให้มันเนียนๆ เวลารีบๆ นี่ไม่เหมาะอย่างยิ่ง เพราะตัวจะขาวแบบด่างๆ




9. สครับเกลือสำหรับขจัดเซลลูไลท์ของเกาหลี
อาบน้ำเสร็จ เช็ดตัวให้แห้ง แล้วถึงค่อยใช้ตัวนี้ตอนที่ผิวแห้งและยืดหยุ่น อย่าใช้ตอนผิวเปียกเพราะมันจะลื่นๆ ไปหมด วิธีคือบีบสครับใส่ต้นแขน ต้นขา หรือที่ไหนๆ ที่คิดว่าเซลลูไลท์มันน่าจะอยู่แล้วออกแรงนวดๆ โดยการบิดๆ แขน หรือ ขาเราไปมาสลับซ้าย-ขวา เหมือนเราบิดผ้าตาก ประมานนี้ แล้วก็นวดเป็นวงกลม ซัก 10 นาที แต่จีเวลความอดทนต่ำ แค่ 5 นาทีก็ล้างออกแล้ว =.,= หลอดใหญ่มากกกก คุ้มราคา ใช้ได้นานจนเบื่อเชียวหละ!!

สรุป : สครับตัวนี้กลิ่นมันหอมดีนะ แต่ยังไม่โดนใจจีเวล ใช้แล้วจะรู้สึกร้อนนิดๆ กำลังอุ่นๆ แต่ไม่ค่อยได้ใช้เพราะความขี้เกียจมันมีมากกว่า เลยยังบอกไม่ได้ว่ามันช่วยเรื่องเซลลูไลท์ได้จริงรึเปล่า
คะแนน : 7/10 ยุ่งยากเพราะต้องทำตัวให้แห้งแล้วก็ใช้แล้วก็ล้างแล้วก็ต้องมาเช็ดตัวอีกรอบ วุ่นวายเนอะ! 




10. hair removal cream by booth
ครีมกำจัดขนแบบทาแล้วทิ้งไว้ซักพักแล้วปาดออก คล้ายๆ การโกนเลย แต่ยุ่งยากกว่า นี่ขนาดเลือกแบบอ่อนโยนมาแล้วนะแต่กลิ่นก็ยังรุนแรงเว่อๆ เวลาใช้ต้องอยู่ในห้องโปร่งๆ ไม่งั้นมึนตายยยย @^@


สรุป : ไม่ซื้อต่อ เพราะมันคล้ายการโกนเลยและกลิ่นมันแรงมาก ไปแวกซ์เอาดีกว่า
คะแนน : 6/10 ขนออกเนียนดี แต่กลิ่นแรงเกิน รับไม่ได้ >___<








และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของขั้นตอนอาบน้ำในวันว่างๆ ของจีเวลนะคะ ที่จริงมีอีกหลายสุตร บางครั้งก็เอาขมิ้นผง ทานาคาผง นมผง มะขามมาขัดบ้าง และก็มีสครับน้ำผึ้งตัวโปรดที่จีเวลผสมใช้เองแต่ตอนนี้มันหมดด้วย อันนี้แค่ยกตัวอย่างมาสูตรนึงเท่านั้น ^___^ เป็นสูตรที่ทุกอย่างสำเร็จรูป ซื้อมาใช้ได้ทันที ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ สุดแต่ความขยันของแต่ละคน



โลกนี้ไม่มีผู้หญิงขี้เหร่ มีแต่ผู้หญิงที่ขยัน กับ ขี้เกียจ (ซึ่งจีเวลคงเป็นอย่างหลัง ฮ่าๆๆๆ) Good luck kaa > O <  

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Try >> ราเมนแกงกะหรี่สเปเชี่ยล!!

.
..
.....

วันนี้แม่ไม่อยู่บ้านเลยต้องแสดงฝีมือทำอาหารเอง ฮ่าๆๆๆ ในห้องครัวมีราเมนญี่ปุ่นที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้อยู่ห่อนึง กับ แฮมและแสปมที่เหลือจากทำข้าวผัดในตู้เย็น เอาหละ!! เครื่องพร้อมขนาดนี้เรามาทำราเมนกันเถอะ!! เอาให้ฮาจิบังอายไปเล๊ยยยย ^O^


วัตถุดิบที่เราใช้กันในมื้อนี้

  1. ราเมนรสอุด้ง รสชาดญี่ปุ๊นนนนน ญี่ปุ่น ซึ่งมันค่อนข้างจะจืดสำหรับคนบ้านเรา ดังนั้นวันนี้จีเวลเลยจะทำให้มันเป็นรสแกงกะหรี่สุดฮิตของญี่ปุ่นแทนจ้าาา ^O^
  2. พริกขี้หนูปุ่นแบบละเอียดสุดๆ คล้ายๆผงปาปริก้าเลยละ
  3. ผงกะหรี่ นางเอกของเราในมื้อนี้
  4. แฮมและแสปมเหลือๆ วันนี้เราจะเอามาใส่ให้มันหมดๆ ไปจากตู้เย็นซักที




เอาหละ!! มาเริ่มทำกัน

  • ลวกแสปมกับแฮมก่อน และเพราะแฮมมันแผ่นบางดังนั้นพอมันเริ่มจะม้วนตัวหน่อยๆ แปลว่ามันเริ่มจะสุกแล้ว เราก็เอามันออกมาพักบนเขียง รอตัดเป็นเส้นๆ ส่วนแสปมก็ต้มต่อไปเพื่อให้ได้รสหวานออกมาเป็นน้ำซุป 

ใช้มีดซิกแซกหั่นด้วยนะเนี่ยยยย คาวาอิ๊ ไม๊เล่าาาาา ^O^



(ทำมาเป็นใส่ลายน้ำในรูป ฮ่าๆๆ เห็นคนอื่นทำแล้วอยากทำมั่งอะ มีไรป้ะ)

  • เอาเส้นราเมนของเราลงหม้อไปเล๊ยยย (หม้อแอบก้นดำ ฮ่าๆๆ ก็มันเป็นหม้อที่ใช้ในครัวจริงๆ นี่หว่า ไม่ใช่อยู่ในรายการอาหารซะหน่อย =.,=) พอเส้นเริ่มนิ่มจนหายจับตัวเป็นก้อนแล้วเราก็ใส่ผงกะหรี่กับพริกป่นลงไป ปริมาณก็กะๆ เอาเถอะ คิดว่าเท่าไหร่ที่กินได้ก็พอ จะมาตงมาตวงอะไรให้มันเปื้อนช้อนทำไม ไร้สาระ! 


บางคนที่ไม่เคยกินแกงกะหรี่ (มีไม๊? น่าจะมีนะ) อาจคิดว่ามันเผ็ดเพราะมันเป็นเครื่องเทศของอินเดีย หรือ เพราะว่าอ่านการ์ตูนแล้วในการ์ตูนมันกินแล้วเผ็ด หรืออะไรก็ตาม 

ขอบอกตรงนี้เลยว่า ผงกะหรี่ไม่เผ็ด นะคะ 

ตอนแรกจีเวลก็คิดว่ามันเผ็ดเหมือนกัน ยังสงสัยอยู่เลยว่าผงกะหรี่ที่เราซื้อมามันของปลอมรึเปล่า ทำไมมันไม่เผ็ด ฮ่าๆๆๆ เด็กน้อยน่าดู ถ้าอยากได้แบบเผ็ดๆ ต้องซื้อพริกป่นมาใส่เพิ่มเองนะ และพริกป่นที่ใส่ก็ต้องเป็นแบบละเอียดๆ เลยนะ แบบที่ฮาจิบังเตรียมไว้ให้ใส่ราเมนนั่นแหละ หรือจะไปซื้อยี่ห้อตามเราเลยก็ได้ (ไม่ได้ขายของนะ โอเค๊?) 

คำถาม: ถ้าเอาพริกป่นที่แถมก๋วยเตี๋ยวมาใส่แทนได้ไม๊
คำตอบ: เอิ่ม....ถ้าไม่แคร์ที่จะมีเม็ดพริกกับกาบๆ ของพริกที่มันป่นไม่ละเอียดอยู่ในแกงของเราหละ...ก็ได้ละมั้ง = =;;

  • เสร็จแล้วก็คนๆๆ ให้เข้ากัน ชิมแล้วว่ารสชาดนี้ ฝีมือตัวเองอร่อยล้ำ!! ก็เทใส่ถ้วยได้ ส่วนเครื่องปรุงที่แถมมาให้ในซองเราจะเอามาใส่ในถ้วยนี่แหละ เรามันจะควบคุมปริมาณน้ำซุปได้ จีเวลเคยใส่ลงไปในหม้อเลย แล้วแบบน้ำมันเยอะเกิน พอเทใส่ถ้วยน้ำเหลืออยู่อีกครึ่งหม้อ เลยจืดสนิทเลยยย TT^TT

มันมีซองผักอบมาด้วยอะ ไม่ได้มองตอนแรก เลยไม่ได้ใส่ลงไปในหม้อ เอาไว้ให้มันอืดในถ้วยเอาก็ได้วะ

  • หน้าตาสวยงามมมม ^________^ 

แต่เหมือนลืมอะไรไปนะ?? กรี๊ดดดดดดด!! ชั้นลืมแฮม เอามาใส่ๆ อย่าให้เสีย


สวยงามค่าาาาาาาาาาาา!! เครื่องเยอะแบบสเปเชี่ยล ยิ่งกว่าร้านไหนๆ 
ราคาชามนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป้นอาหารกันตาย ที่่เอาของที่มีๆ อยู่ในบ้านมาทำแต่ราคามันก็แพงกว่าเดินไปซื้อเตี๋ยวกินอีกนะ TT___TT ไหนจะราเมนญี่นซองละไม่น่าจะต่ำกว่า 30 บาทมันก็แพงกว่าเตี๋ยวหน้าปากซอยละ ไหนจะแฮมกับแสปมอีก แต่เอาเถอะ.....ก็มันเป็นราเมนนี่หว่า (ปลอบใจตัวเอง)
.
.
.
.
.
กินๆ อยู่แม่กลับบ้านมาพอดี ซื้อลูกชิ้นหมูมาอีกครึ่งโลเลยแบ่งมาใส่ราเมนสเปเชี่ยลของเราด้วย นี่คือหน้าตาตอนที่กินไปแล้วเหลือครึ่งถ้วย เครื่องเยอะจิง เยอะจัง


อิ่มท้องแตกกกก!! แต่ด้วยความเสียดายเพราะมันอร่อย กินๆๆ อร่อยอ๊าาาาาา โออิชิ๊...... >w<!!!


ไม่ไหวแหล่ววววว V___V อิ่มเกิ๊นนนน แล้วดูสิ ยังเหลืออยู่อีกอย่างเยอะอะ รึว่าเราจะใส่เครื่องเยอะไปจริงๆ ??  ทุกคนคิดว่าเราควรจะเก็บไว้กินต่อ รึ ว่าทิ้งดี อ๊ากกกก เสียดายจังเลย เยย เยย
.
.
.
.
.

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

Try >> ข้าวผัด SPAM ประทังชีวิตในวันสงกราต์

เนื่องจากวันสงกรานต์ ทำแม่ค้าหายเกลี้ยงตลาดดด!!! 

แต่ด้วยความพยายาม สุดท้ายเราก็ได้ผักที่จะมาทำข้าวผัดกัน 

ใช่แล้วววววว!!!

วันนี้จีเวลจะทำอาหารเองค่าาาา O__o

ตะลึงตึ่งโป๊ะ!!! 


เอาหล่ะ...เข้าเรื่องกันดีกว่า เพราะว่าในตู้เย็นมีแสปมเหลืออยู่ก็เลยจะเอามาผัดใส่ข้าว ตามความเห็นส่วนตัวนะ เวลว่ามันอร่อยกว่าแฮม หรือ เนื้อสัตว์อื่นๆ เวลาเอามาทำข้าวผัดอะ แต่เวลากินมันเปล่าๆ หรือไม่ก็เอาไปทำแซนวิสนี่....เค็มมากกกกกกก!!! ใครที่ยังไม่รู้จักแสปม หน้าตามันเป้นแบบนี้


มันเป้นแฮมกระป๋องอะ แต่เรียกทับศัพท์เป็นชื่อมันเลยเพราะไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ก็คล้ายๆ กับแฮมแผ่นที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นแหละ แต่มันมาเป้นก้อนๆ เวลาเราจะใช้ก็เอามาตัดๆ เอาเอง

รสชาติก็....เค็มนำอะ (สงสัยมันคงคล้ายๆ ปลาร้าบ้านเราเนี่ยแหละมั้ง) อย่างที่อังกฤษเค้าก็จะมีติดบ้านไว้เหมือนกับปลากระป๋องไรแบบนี้ อารมณ์ประมาณว่าเป็นอาหารกันตาย

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ!!  มันไม่ได้ถูกเลยนะ (สำหรับเรา) อย่างถ้าอยู่ที่นั่นป๋องนึงก็เกือบๆร้อยบาทไทยแล้วอะ ก้อนแค่กำปั้นเนี่ยแหละ!!! ถ้าอยากลองกินดู ที่เมืองไทยน่าจะมีขายตามฟู๊ดแลนด์ รึ ตามห้างใหญ่ๆ ไฮโซๆ แบบพารากอน เอ็มโพเรี่ยมไรงี้ น่าจะมีนะ

แนะนำตัวพระเอกของเราไปแล้วทีนี้ก็มาดูพวกลูกสมุนมั่ง...มี

  1. ข้าว แต่เพราะว่าตอนแรกไม่ได้ตั้งใจทำข้าวผัด ข้าวที่มีเลยเป็วข้าวหอมมะลิค่ะ มันเลยไม่ร่วนงะ
  2. ซอสมะเขือเทส
  3. แครอทหั่นเต๋า
  4. หัวหอมใหญ่
  5. เกลือ
  6. พริกไทยป่น
  7. รสดีหมู
  8. เนยจืด

(ภาพทุกภาพในนี้ ด้วยความที่ว่าตอนแรกไม่ได้ตั้งใจเก็บมาเขียนบล็อคเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะคะ เลยไปใช้รูปในอินเตอร์เน็ตแทน รูปจริงมีแค่รูปตอนเสร้จรูปเดียวค่ะ)


  • อันดับแรกเราก็ต้องล้างผักก่อน แล้วก็จัดกระเผด็จศึกมัน โดยการซอยๆๆๆๆ แครอทกับหัวหอมใหญ่ โช๊ะเด๊ะ!!! ออกมาเป็นแบบนี้ และเวลเป็นคนที่ชอบกินแครอทแบบนุ่มๆ เลยเอามันไปต้มก่อนสามนาทีก่อนเอามาผัดจ้า





  • พอต้มแครอทจนพอใจแล้วก็เทน้ำทิ้ง แล้วก็เอาหัวหอมกับแสปมหั่นเต๋าลงไปผัดรวมกันกับเนยและซอสมะเขือเทศจ้า

  • พอเห็นว่าแสปมของเรามันเริ่มตึงๆ แล้วก็จัดการเทข้าวลงไปเล๊ยยยย ถึงจุดนี้ต้องรีบคลุกๆ ข้าวนะ ถึงแม้ว่ากะทะเทฟล่อนก็ตามแต่ถ้าไม่รีบคลุกแล้วเดี่ยวข้าวมันจะสีไม่สวย เพราะดูดซับซอสมะเขือเทศได้ไม่ทั่วถึงหละ พอผ่านจุดวิกฤตมาได้ก็ปรุงรสด้วยรสดีหมู เกลือ พริกไท (อันนี้เราใส่เพราะเแก้เลี่ยน)

  • และแล้วเราก็จะได้ข้าวผัดแสปมมาแล้วจ้าาาา ^O^

อร่อยมากกกก (ไม่ค่อยจะยกหางตัวเองเล๊ยยย) กับข้าวผัดครั้งแรกของเรา คนอะไรเก่งจริงๆ เลย โฮะๆๆ


วันนี้ไปละ...ที่จริงต้องอ่านหนังสือสอบนะเนี่ย มัวแต่อู้มาจนจะสอบวันเสาร์นี้อยู่ละ ยังไม่ได้อ่านเลย เห้อออ =.,= ทำใจกะวิชาสถิติละ ฮือออออ

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

ชั้นติด OSP ค่าาาาาา

ชั้นติด OSP ค่าาาาาา


ตอนนี้อารมณ์แบบ...บรรยายไม่ถูกเลย จะหัวเราะ รึ ร้องไห้ดี จะเอาไงกะชีวิตดี 


ถึงเวลาที่ต้องเลือก....ระหว่างทางเส้นเก่าที่เราคุ้ยเคย กับ ทางเส้นใหม่ที่สุดจะท้าทาย??




OSP คืออะไร?

โครงการนักศึกษาดีเด่น (Outstanding Student Program: OSP) 

วัตถุประสงค์โครงการ1. เพื่อส่งเสริมนักศึกษาที่เรียนดีให้สามารถพัฒนาศักยภาพอันนำไปสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการและวิชาชีพ
2. เพื่อสร้างบัณฑิตนิเทศศาสตร์ที่เพียบพร้อมทั้งความรู้ บุคลิกภาพ และคุณธรรมเพื่อเป็นตัวแทนสร้างชื่อเสียงแก่สถาบัน

สาขาวิชาที่เปิดรับและจำนวนนักศึกษาเข้าร่วมโครงการคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการโฆษณา Exclusive Advertising (ทั้งวิชาเอกและวิชาโท) จำนวนนักศึกษาประมาณ 40 คน

ค่าใช้จ่าย นักศึกษาจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมตามปกติ

ระยะเวลาการเรียนการสอน ภาคฤดูร้อนของชั้นปีที่ 1 ไปจนถึงภาคการศึกษาที่ 1 ของชั้นปีที่ 4 รวมระยะเวลาการศึกษา 3 ปีครึ่ง

ลักษณะการเรียนการสอน- ชั้นเรียนมีขนาดเล็กไม่เกิน 40 คน นักศึกษาจึงสามารถซักถามร่วมแสดงความคิดเห็น พัฒนาความสามารถได้มากกว่าการเรียนใน
   ห้องเรียนขนาดใหญ่
- เน้นการพัฒนากระบวนการคิด ความคิดสร้างสรรค์ การวิเคราะห์กรณีศึกษา การดูงานภายนอก และการฟังบรรยายจาก
   วิทยากร/อาจารย์พิเศษที่มีชื่อเสียงในแต่ละรายวิชา
- การเรียนการสอนเป็นภาษาไทย แต่เอกสารประกอบการสอนและตำราจะเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย
- การลงทะเบียนจะมีลักษณะเป็นชุดรายวิชาที่จัดให้ (Set Menu)
- มุ่งเน้นการฝึกงานจริงกับบริษัทโฆษณาในภาคการศึกษาที่ 1 ของชั้นปีที่ 4
- มีการวัดผลการเรียน โดยมุ่งเน้นให้นักศึกษาพัฒนาการเรียนรู้ ไม่ใช้ระบบการตัดเกรดแบบอิงกลุ่ม

คุณสมบัติของผู้สมัครเป็นนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 หลักสูตรปกติ ที่กำลังจะขึ้นปีที่ 2 มีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 ในภาคการศึกษาที่ 1 และมีคะแนนวิชา EN 111 (Fundamental English) ไม่ต่ำกว่า B

การรักษาสถานภาพนักศึกษาในโครงการนักศึกษาจะต้องได้คะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 3.00 เมื่อสิ้นภาคการศึกษาที่ 2 ในแต่ละปีการศึกษา ถ้าหากนักศึกษาได้คะแนนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 3.00 จะต้องย้ายกลับไปเรียนกับนักศึกษากลุ่มปกติตามหลักสูตรเดิมโดยไม่เสียเวลาเรียน






ก็ประมาณนี้แหละ....ไปก๊อปเค้ามาอีกที....


ปัญหาตอนนี้ก็คือสาขาสื่อสารแบรนด์ที่เรียนอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว เป็นสาขาใหม่ที่เปิดมาเพื่อรองรับตลาดงาน เป็นการเรียนแบบผสมผสานระหว่างโฆษณา ประชาสัมพันธ์ บริหาร เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้ที่บัณฑิตจบมาแล้วต้องรู้ในงานหลายๆ ด้าน จบไปก็ทำงานเกี่ยวกับการสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ นักบริหารภาพลักษณ์องค์การ สื่อสารการตลาด ประชาสัมพันธ์ก็ได้ ประมาณนี้


ส่วนโครงการ OSP ก็อย่างที่บอกคือ เป็นโครงการนักศึกษาดีเด่น เรียนโฆษณาแบบเจาะลึก กับเอเจนซี่ดังๆ ต่างกับภาคปกติ คือเพื่อนๆ ก็จะมีแต่ระดับหัวกะทิทั้งนั้น ถ้าเราเข้าไปเรียนไม่ทันเพื่อนยังไงก็ต้องพยายามสปีดตัวเอง ให้เรียนทันเพื่อนๆ และรักษาระดับเกรดให้ได้ 3.00 up ไม่งั้นก็จะโดนย้ายไปภาคปกติ T_________T  มันเสี่ยงมาก แต่ก็คุ้มกับการเสี่ยงใช่ไม๊?




เหลือเวลาอีก 4 วันในการตัดสินใจก่อนจะไปรายงานตัว ชั๊นควรเลือกอะไรดี แบรนด์ รึ โฆษณา 


กลุ้มโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!


เลือกอะไรดี????

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

เปิดซิง

เริ่มเขียนบล็อคครั้งแรกตอนตีสามกว่าๆ ด้วยความมึนงงว่า...

ทำไมชั้นไม่ไปนอน (วะ) เนี่ยยยย


ถามว่าเล่นบล็อคเป็นไม๊???

ไม่เป็นค่าาาาา =w= ไอ้ตัวดิชั้นก็แสนจะโลวเทคซะ....แต่งบล็อคอะไรก็ไม่เป็น (เป็นเด็กรุ่นนี้ได้ไงเนี่ย ไม่เข้าใจตัวเองงง) เห้ออออ

แต่แบบว่าอยากลอง เผื่อจะมีอะไรไว้เล่นกะเค้ามั่ง นอกจาก FB ที่เริ่มจะเบื่ออออ

(ทำอย่างกะหล่อนมีเวลาว่างมานั่งอัพบล็อคนักนอ นิยายแค่เรื่องเดียวยังพิมพ์ค้างอยู่เลย ทั้งที่ในหัวมัน the end ไปชาติกว่าแล้ว แต่นิ้วก็ยังมิได้สัมผัสคีย์บอร์ดเพื่ออัพเลยซักกะน้อย)

เอาเป็นว่า...ลองๆ ไปแบบโง่ๆ ก่อนละกัน ไม่มีใครเป็นมาแต่เกิดนี่เห้ยยยย

แล้วแต่ความขยัน + ความอยากลองจะนำพา

แต่คืนนี้...ชั้นควรจะไปนอนได้แล้วละ จะมานั่งถ่างตาอยู่ทำไม ไม่เข้าใจตัวเอง??